ที่มาแมวไทยมงคล 4 สายพันธุ์ ที่ทาสแมวทั้งหลาย ต้องรู้จักไว้ให้ดี…
แมวไทยมงคล หลากหลายสายพันธุ์
ถึงสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเป็นอันดับต้น ๆ คงมี “น้องแมว” เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน เพราะเจ้าเหมียวมีนิสัยทั้งขี้เล่น และรักอิสระในเวลาเดียวกัน จึงไม่แปลกที่จะทำให้มนุษย์หลายคนต่างหลงรักแต่นิสัยของน้องแมวนั้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แมวด้วย ทั้งนี้แมวสายพันธุ์ไทยมีและเลี้ยงกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยลักษณะแมวที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันมาแต่อดีตเรียกกันว่า “แมวไทยมงคล”
แมวไทยมงคล หลากหลายสายพันธุ์แมวไทย (วิฬาร) จัดเป็นแมวขนสั้นและสวยงาม มีนิสัยรักอิสระเป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งมีการบันทึกประวัติแมวไทยไว้ในสมุดข่อยโบราณของวัดอนงคารามโดยบันทึกไว้ว่าแมวไทยมี 23 ลักษณะ แบ่งออกเป็น 17 แมวไทยมงคล และ 4 แมวไทยให้โทษแมวไทยมงคล 4 สายพันธุ์ที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบันถึงแม้แมวไทยจะมีถึง 23 ลักษณะ และเป็นแมวไทยมงคลกว่า 17 ลักษณะ แต่กลับหลงเหลือมาถึงปัจจุบันเพียง 4 ลักษณะเท่านั้นหนึ่งในปัจจัยนั้นคือ คนไทยขาดความรู้เรื่องการอนุรักษ์แมวไทย สล็อต สมาชิกใหม่ เรามาดูกันดีกว่าว่าแมวไทยมงคล 4 ลักษณะที่หลงเหลืออยู่นั้นมีอะไรบ้างแมวไทยมงคล: วิเชียรมาศแมวไทยมงคลชนิดแรกคือ แมววิเชียรมาศ ความหมายของคำว่า “วิเชียรมาศ” คือ เพชรแห่งดวงจันทร์ หรืออาจเรียกว่าแมวแก้ว เป็นแมวที่มีลักษณะเป็นแมวไทยมงคลตามตำราชนิดแรกที่ชาวต่างชาติรู้จักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในชื่อ Siamese Cat นั่นเองตามตำราแล้วแมวไทยมงคลวิเชียรมาศ จะมีขนสีขาวงาช้าง และมีสีดำแต้มอยู่ก้าวจุดบนร่างกาย คือ หน้า หูทั้งสอง ขาทั้งสี่ ปลายหาง และอวัยวะเพศ ลักษณะขนสั้น หางยาว นัยน์ตาสีฟ้าสวยงามคนไทยเชื่อว่าหากเลี้ยงแมวไทยมงคลชนิดนี้ จะช่วยเพิ่มพูลทรัพย์สมบัติ
แมวไทยมงคล: โคราชแมวไทยมงคลชนิดต่อมาคือ แมวโคราช และมีชื่อเรียกอื่น ๆ คือ แมวสีสวาด แมวมาเลศ แมวดอกเลา แต่ชื่อที่ได้ยินบ่อย ๆ คือแมวสีสวาด คำว่า สวาดหมายถึงสีของเมล็ดพันธุ์พืชที่เป็นสีเทา แมวสีสวาดที่มีต้นกำเนิดจากอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาลักษณะเด่นของแมวไทยมงคลชนิดนี้คือ สีขน ซึ่งบริเวณโคนขนเป็นสีขุ่น เมื่อโดนแดดจะยิ่งเงาเข้มขึ้น มีลักษณะขนสั้น โคนหางใหญ่และเรียวลงไปจนสุดปลายหาง หลังโค้ง ดวงตาใหญ่กลมโต คนไทยเชื่อว่าแมวสีสวาด เป็นแมวแห่งโชคลาภ ใครเลี้ยงไว้ก็จะมีแต่โชคลาภทางการเงิน
แมวไทยมงคล: ขาวมณีแมวขาวมณีหรือขาวปลอด แมวไทยมงคลที่มีขนสีขาวล้วนทั่วตัว แมวขาวมณีเป็นแมวที่อดีตเคยเลี้ยงเฉพาะในวังเท่านั้น แมวขาวมณีเพิ่งจะมีปรากฏในช่วงต้นรัตนโกสินทร์เท่านั้นเอง จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงและพบได้มากในปัจจุบันลักษณะของแมวไทยมงคลชนิดนี้คือ หูตั้งขนาดใหญ่ หัวเป็นทรงคล้ายรูปหัวใจ ดวงตาเล็ก รี บางตัวอาจมีนัยน์ตาข้างละสี คนไทยเชื่อว่าหากเลี้ยงแมวขาวมณี จะช่วยค้ำจุนเจ้าของ
แมวไทยมงคล: ศุภลักษณ์แมวไทยมงคลชนิดสุดท้ายคือ แมวศุภลักษณ์หรืออีกชื่อคือ แมวทองแดง ที่มาของแมวชนิดนี้ เป็นแมวของเชลยที่ถูกต้อนไปที่พม่า จนต่างชาตินำไปจดทะเบียนสายพันธุ์ และตั้งชื่อว่า Burmese Cat แต่ก็ยังคงเป็นที่ทราบกันว่าต้นกำเนิดมาจากไทยลักษณะของแมวศุภลักษณ์ มีขนสั้น สีน้ำตาลแดงคล้ายสีสนิม หัวค่อนข้างกลม โคนหางใหญ่และเรียวยาวไปจนถึงปลายหาง คนไทยมีความเชื่อว่าหากเลี้ยงแมวมงคลศุภลักษณ์ จะทำให้ก้าวหน้าและค้าขายรุ่งเรือง
ใครที่ทนความน่ารักของแมวไทยมงคลทั้ง 4 ชนิดไม่ไหว ปัจจุบันก็มีฟาร์มในไทยที่เพาะพันธุ์น้องแมวเหล่านี้อยู่เช่นกัน หรือถ้าอยากจะรับเลี้ยงสายพันธุ์อื่นๆ เพื่อร่วมเป็นทาสแมวก็ย่อมได้แต่ก่อนจะรับน้อง ๆ มาเลี้ยง เหล่าทาสแมวควรเตรียมอุปกรณ์อย่าง กระบะทรายแมว อาหารแมว หรือของเล่นแมวที่สำคัญต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความรักจริงหรือไม่ และพร้อมจะสละเวลาให้น้องแมวจริง ๆ หรือเปล่า ไม่งั้นจะกลายเป็นภาระของกันและกันในอนาคตได้นะ
เมื่อชาวเน็ตแทนค่าจำนวนสัตว์ป่าที่เหลืออยู่บนโลกด้วยจำนวน “เม็ดพิกเซล” บนรูปภาพ
ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ตอนนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นสภาพอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อไปยังสิ่งอื่นๆ ทั้งภูมิประเทศ ระบบนิเวศ สัตว์ป่า และมนุษย์และด้วยการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัตว์ป่าหลายๆ
สายพันธุ์ได้ล้มตายหายจากโลกไปแล้ว ส่วนอีกหลายๆ ชนิดก็เหลือน้อยเต็มทีสมาชิกเว็บไซต์ Imgur JJSmooth44 จึงได้นำภาพสัตว์โลกหลายๆ ชนิดมาทำให้เป็นภาพแนวพิกเซล ซึ่งจำนวนพิกเซลในภาพเท่ากับจำนวนสัตว์ชนิดนั้น ที่เหลืออยู่ในธรรมชาติโดยประมาณแนวการสร้างงานนี้ตัวเขากล่าวว่าได้หยิบยืมคอนเซปต์มาจากอาร์ตไดเร็กเตอร์และดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นได้แก่ นามิ โฮชิโนะ, โยชิยูกิ มิคามิ และ คาซุฮิโระ โมจิซุกิ ที่เคยสร้างงานรูปแบบนี้ให้กับทาง WWF ประเทศญี่ปุ่นเมื่อผลงานออกมาเราพบว่ายิ่งจำนวนสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเหล่านี้เหลือน้อยเท่าไหร่ ภาพของมันก็ยิ่งเบลอและไม่ชัดเท่านั้น ASIAXX1 จนหลายชนิดถึงกับดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรซึ่งมันก็สื่อได้ว่า หากเรายังไม่แก้ไขและทำอะไรสักอย่างกับภาวะโลกร้อนและการล่าสัตว์ที่เกิดขึ้นอยู่ อีกไม่นานเราก็จะไม่สามารถเห็นพวกมันได้อีกเหมือนกับภาพที่ไม่มีเม็ดพิกเซลนั่นเองเมื่อผลงานออกมาเราพบว่ายิ่งจำนวนสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเหล่านี้เหลือน้อยเท่าไหร่ ภาพของมันก็ยิ่งเบลอและไม่ชัดเท่านั้น จนหลายชนิดถึงกับดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร
ซึ่งมันก็สื่อได้ว่า หากเรายังไม่แก้ไขและทำอะไรสักอย่างกับภาวะโลกร้อนและการล่าสัตว์ที่เกิดขึ้นอยู่ อีกไม่นานเราก็จะไม่สามารถเห็นพวกมันได้อีกเหมือนกับภาพที่ไม่มีเม็ดพิกเซลนั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น